กฎกระทรวง ฉบับที่ 217 (พ.ศ. 2542) ค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
กฎกระทรวง ฉบับที่ 217 (พ.ศ. 2542) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ. 2513 และมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล รัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (51) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 215 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในประมวล รัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร “(51) ค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และค่าชดเชยที่พนักงานได้รับตามกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ แต่ไม่รวมถึงค่าชดเชยที่ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับเพราะเหตุเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง ทั้งนี้ เฉพาะค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงานสามร้อยวันสุดท้ายแต่ไม่เกินสามแสนบาท” ข้อ 2 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เป็นต้นไป ให้ไว้ ณ 13 มกราคม พ.ศ. 2542 ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากประเทศไทยประสบ ภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบกิจการในภาคเอกชนต้องปิดกิจการหรือลดจำนวน ลูกจ้างลง รวมทั้งรัฐวิสาหกิจบางแห่งจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง เพื่อให้สามารถดำเนิน กิจการต่อไปได้ อันส่งผลให้ลูกจ้างในภาคเอกชนและพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องออกจากงานเป็น จำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้แก่ลูกจ้างและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้อง ออกจากงานดังกล่าว สมควรกำหนดให้ค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการ คุ้มครองแรงงาน และค่าชดเชยที่พนักงานได้รับตามกฎหมายว่าด้วยพนักงานรัฐวิสาหกิจ สัมพันธ์ แต่ไม่รวมถึงค่าชดเชยที่ลูกจ้างหรือพนักงานได้รับเพราะเหตุเกษียณอายุหรือ สิ้นสุดสัญญาจ้าง เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษี เงินได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้ |