Skip to Content

ข้อ 11 ดอกเบี้ย

  1. ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง และจ่ายให้แก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งอาจเก็บภาษีได้ในอีกรัฐหนึ่งนั้น
  2. อย่างไรก็ตาม อาจเก็บภาษีจากดอกเบี้ยเช่นว่านั้นได้ในรัฐผู้ทำสัญญาที่ดอกเบี้ยเกิดขึ้น และตามกฎหมายของรัฐนั้น แต่ถ้าผู้รับเป็นเจ้าของผู้รับประโยชน์ในดอกเบี้ยนั้น ภาษีที่เรียกเก็บจะต้องไม่เกิน

                (ก)          ถ้ารัฐนั้นเป็นประเทศแคนาดา ร้อยละ 15 ของดอกเบี้ยทั้งสิ้น

                (ข)          ถ้ารัฐนั้นเป็นประเทศไทย

                              (1)          ร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยทั้งสิ้น ถ้าดอกเบี้ยนั้นได้รับโดย สถาบันการเงินใด (รวมทั้งบริษัทประกันภัย) และ

                              (2)          ร้อยละ 25 ของจำนวนดอกเบี้ยทั้งสิ้นในกรณีอื่นๆ ทั้งปวง

  1. โดยไม่คำนึงถึงบทบัญญัติของวรรค 2 ดอกเบี้ยซึ่งเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งและจ่ายให้แก่รัฐบาลของรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่ง จะได้รับการยกเว้นภาษีในรัฐที่กล่าวถึงรัฐแรก เพื่อความมุ่งประสงค์แห่งวรรคนี้คำว่า "รัฐบาล"

                (ก)          ในกรณีของประเทศไทย หมายถึง รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และให้รวมถึง

                              (1)          ธนาคารแห่งประเทศไทย

                              (2)          ส่วนราชการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และ

                              (3)          สถาบันต่างๆ ซึ่งมีทุนทั้งสิ้นเป็นของรัฐบาลแห่งราช อาณาจักรไทย ส่วนราชการหรือองค์การบริหารส่วนท้อง ถิ่น ซึ่งได้ระบุและตกลงกันไว้ในสาส์น ที่แลกเปลี่ยนกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของรัฐผู้ทำสัญญา

                (ข)          ในกรณีของประเทศแคนาดา หมายถึง รัฐบาลของประเทศแคนาดา และให้รวมถึง

                              (1)          ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา

                              (2)          ส่วนราชการและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และ

                              (3)          บรรษัทพัฒนาการส่งออกแห่งประเทศแคนาดา

  1. คำว่า "ดอกเบี้ย" ที่ใช้ในข้อนี้ หมายถึง เงินได้จากสิทธิเรียกร้องหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกันจำนองหรือไม่ และไม่ว่าจะมีสิทธิร่วมกันในผลกำไรของลูกหนี้หรือไม่ และโดยเฉพาะเงินได้จากหลักทรัพย์รัฐบาลและเงินได้จากพันธบัตรหรือหุ้นกู้ รวมทั้งค่าพรีเมี่ยมและรางวัลอันติดพันอยู่กับหลักทรัพย์พันธบัตร หรือหุ้นกู้เช่นว่านั้น และเงินได้ซึ่งจะถูกจัดเก็บภาษีเช่นเดียวกับเงินได้จากการให้กู้ยืมตามกฎหมายของรัฐซึ่งเงินได้นั้นเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คำว่า "ดอกเบี้ย" จะไม่รวมถึงเงินได้ตามข้อ 10
  2. บทบัญญัติของวรรค 1 และ 2 จะไม่ใช้บังคับถ้าเจ้าของผู้รับประโยชน์ในดอกเบี้ยซึ่งเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ประกอบธุรกิจในรัฐผู้ทำสัญญาอีกรัฐหนึ่งซึ่งดอกเบี้ยนั้นเกิดขึ้นโดยผ่านสถานประกอบการถาวรที่ตั้งอยู่ในรัฐนั้น หรือให้บริการส่วนบุคคลอิสระในรัฐอีกรัฐหนึ่งนั้นจากฐานประกอบการประจำที่ตั้งอยู่ในรัฐนั้นและสิทธิเรียกร้องหนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับดอกเบี้ยที่จ่ายนั้นเกี่ยวข้องในประการสำคัญกับสถานประกอบการถาวรหรือฐานประกอบการประจำนั้น ในกรณีเช่นว่านี้ให้ใช้บทบัญญัติ ข้อ 7 หรือข้อ 14 บังคับแล้วแต่กรณี
  3. จะถือว่าดอกเบี้ยเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่ง ถ้าผู้จ่ายคือรัฐนั้นเอง ส่วนราชการองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หรือผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บุคคลที่จ่ายดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งหรือไม่ก็ตาม มีสถานประกอบการถาวรหรือฐานประกอบการประจำในรัฐผู้ทำสัญญารัฐหนึ่งอันก่อให้เกิดหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยขึ้น และดอกเบี้ยนั้นตกเป็นภาระแก่สถานประกอบการถาวร หรือฐานประกอบการประจำ ดอกเบี้ยเช่นว่านั้นจะถือว่าเกิดขึ้นในรัฐผู้ทำสัญญา ซึ่งสถานประกอบการถาวร หรือฐานประกอบการประจำนั้นตั้งอยู่
  4. ในกรณีที่โดยเหตุผลแห่งความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผู้จ่ายกับผู้เป็นเจ้าของผู้รับประโยชน์หรือระหว่างบุคคลทั้งสองนั้นกับบุคคลอื่น ดอกเบี้ยที่จ่ายนั้นเมื่อคำนึงถึงสิทธิเรียกร้องหนี้อันเป็นมูลแห่งการจ่ายดอกเบี้ยแล้ว มีจำนวนเกินกว่าจำนวนซึ่งควรจะได้ตกลงกันระหว่างผู้จ่ายกับผู้เป็นเจ้าของผู้รับประโยชน์ หากไม่มีความสัมพันธ์เช่นว่านั้น บทบัญญัติของข้อนี้ให้ใช้บังคับเฉพาะแก่เงินจำนวนหลัง ในกรณีเช่นนั้นส่วนเกินของเงินที่ชำระจะคงถูกเก็บภาษีได้ตามกฎหมายของรัฐผู้ทำสัญญาแต่ละรัฐ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงบทบัญญัติอื่นๆ แห่งอนุสัญญานี้ด้วยตามควร

Get notified when new articles are added to the knowledge base.

Powered by PHPKB (Knowledge Base Software)