พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 345)
พ.ศ. 2541
--------------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2541
เป็นปีที่ 53 ในรัชกาลปัจจุบัน

                      พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

                      โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย

                      อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา พระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

                      มาตรา 1  พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 345) พ.ศ. 2541”

                      มาตรา 2  พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 เป็นต้นไป

                      มาตรา 3  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (29) ของมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2500 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ 338) พ.ศ.2541

                      (29) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการจัดตั้ง บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศที่ กำลังประสบภาวะซบเซาโดยการขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้มีวงกว้างขึ้นเพราะสถาบัน การเงินของรัฐและเอกชนมีข้อจำกัดอยู่หลายประการทำให้ไม่สามารถให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้เพียงพอกับความต้องการ แต่เนื่องจากในการดำเนินงานของบรรษัทดังกล่าวจำต้อง มีการกระทำตราสารบางประเภทที่อยู่ในข่ายต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยในการแก้ไข ปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สมควรยกเว้น อากรแสตมป์ให้แก่บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้